Greeting :D

"เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในปัจจุบันว่า ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในชีวิต ประจำวันของคนไทย ถึงแม้ว่าเรายังสามารถใช้ภาษาไทยอย่างมีความสุขอยู่ก็ตาม แต่ผู้ที่รู้ภาษาที่สอง โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ย่อมถือว่ามีโอกาสดีและได้เปรียบคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน"


การทักทาย

1. Good morning แปลว่า สวัสดี (ตอนเช้า) ใช้กับบุคคลทั่วไปตั้งแต่เวลาเช้าหรือหลังเที่ยงคืนถึงเวลาเที่ยงวัน การออกเสียง Good มักจะเบาจนบางครั้งได้ยินแต่ morning สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าวว่า Good morning ในทำนองเดียวกัน

ตัวอย่าง

A : “Good morning……………………”

B : “Good morning……………………”


2. Good afternoon แปลว่า สวัสดี (ตอนบ่าย) ใช้กับบุคคลโดยทั่วๆ ไปตั้งแต่หลังเวลาเที่ยงวันจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินหรือราวๆหกโมงเย็น การออกเสียงคำทักทายนี้ออกเสียงเบาที่ Good เช่นกัน สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าวคำว่า Good afternoon เช่นเดียวกับผู้ทักทาย

ตัวอย่าง

A : “Good afternoon……………………”

B : “Good afternoon ……………………”


3. Good evening แปลว่า สวัสดี (ตอนค่ำ) ใช้กับบุคคลทั่วไปตั้งแต่เวลาหลังหกโมงเย็นไปแล้ว คำทักทายนี้ออกเสียงเบาที่ Good เช่นเดียวกัน สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าว Good evening เช่นเดียวกับผู้ทักทาย

ตัวอย่าง

A : “Good evening……………………”


B : “Good evening ……………………”

4. Hello / Hi แปลว่า สวัสดี ใช้กับบุคคลที่สนิทเป็นกันเองหรือในการทักทายที่มิได้เป็นพิธีการ เราจะไม่ใช้กับผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามอาจใช้กับพ่อแม่ หรือผู้ที่สนิทกันได้ในบางโอกาส สำหรับการตอบนั้น ผู้ตอบก็กล่าวเช่นเดียวกับผู้ทักทาย

ตัวอย่าง

Joe : “Hello, Jack…………………… .”

Jack : “Hello…………………… ”


5. How do you do? เป็นข้อความที่ใช้ทักทายกันเฉพาะกับคนที่พบหรือรู้จักกันเป็นครั้งแรกใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน ข้อความนี้เป็นรูปคำถามที่มีความหมายว่า “สวัสดี” ซึ่งไม่ต้องการคำตอบ ดังนั้นผู้ตอบจึงต้องกล่าวตอบโดยใช้ How do you do? เช่นเดียวกับผู้ทักทาย

ตัวอย่าง

A : “How do you do?

B : “How do you do?


การถามเกี่ยวกับทุกข์สุข

หลังจากการกล่าวทักทายกันด้วยคำว่า “สวัสดี” แล้ว ประชาชนที่พูดภาษา

อังกฤษมักถือเป็นธรรมเนียมที่จะต้องถามทุกข์สุขของอีกฝ่ายหนึ่งติดตามมา

ดยกล่าวข้อความต่อไปนี้


How are you? (คุณเป็นอย่างไร) How are you…………………?

How have you been? ใช้ในกรณีไม่ได้พบกันนาน ๆ ซึ่งมีความหมายเดียว

กันกับ How are you? บางครั้งก็มีการเพิ่มข้อความแสดงเวลาที่ถามเช่นเดียว

กัน} I’m fine, thank you and you? สำหรับการตอบนั้น ตอบได้หลายอย่าง

เท่าที่นิยมมีดังนี้ I’m fine.(very well) บางครั้งอาจไม่ต้องมีประธานหรือกิริยา

ครบ(quite well) ก็ได้ คือกล่าวเฉพาะข้อความข้างหลัง(O.K.)ผู้ตอบอาจเพิ่ม

ข้อความแสดงการขอบคุณ และถามตอบผู้ทักทาย I’m fine, thank you and

you?(Thank you and how are you?) (Thank you and how have you

been?) Fine, thank you and you?}(ผมสบายดี ขอบคุณครับ แล้วคุณล่ะ

เป็นอย่างไรบ้าง) ในบางครั้งผู้ตอบอาจไม่สบาย ก็ควรตอบด้วยข้อความต่อไป

นี้ไม่ค่อยสบาย Not so well. Not very well. ผู้ตอบอาจบอกเหตุผลหรือ

อาการเจ็บป่วยเพิ่มเติม เช่น Not so well. I have a cold.ไม่ค่อยสบาย เป็น

หวัดเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งทราบว่าผู้ที่เราคุ้นเคยด้วยไม่สบาย ควรแสดงน้ำใจด้วย

การพูดให้กำลังใจดังนี้ I hope you are better soon. ฉันหวังว่าคุณจะ

สบายขึ้นในเร็วๆนี้ I’m sorry to hear it. ผมเสียใจด้วยที่ทราบเช่นนั้น



ตัวอย่างที่ 1

A : “Good morning.”

B : “Good morning. How are you?”

A : “Fine, thanks and you?


B : “Very well, thank you.”



ตัวอย่างที่ 2

Joe : “Hello, Joy.”


Joy : “Hi, Joe. How are you?”


Joe : “Not so well. I have headache.”


Joy : “I hope you feel better soon.


Joe : “Thank you.”


ที่มา

http://tip-com1.blogspot.com/

http://aumja24.exteen.com/20091003/engilsh-greetings

http://www.leknam.com/forum/index.php?topic=544.0http://englishconversation-nongbualamphu.blogspot.com/2007/10/english-conversation.html

http://www.freewebs.com/wichaimakyou/Greeting.html

http://www.sahavicha.com/UserFiles/File/Greeting.pdf

http://inter.thepbodint.ac.th/topmenu.php?c=listknowledge&q_id=278

http://www.lks.ac.th/teacher_jonggonee/jongdream/greetings.html

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kaekaejaa&month=22-01-2009&group=4&gblog=1


1 ความคิดเห็น: